วิจารณ์หนัง Snowden
เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน (Edward Snowden) กลายเป็นบุคคลที่คนทั่วโลกรู้จักเพียงชั่วข้ามคืน หลังจากที่เขาออกมาเปิดโปงเรื่องราวของสำนักงานมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ NSA ที่ดูเหมือนว่ากำลังละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองสหรัฐฯ อย่างน่าหวั่นใจ การลุกจากเก้าอี้เพื่อออกมาแฉในครั้งนี้ แน่นอนว่าทันทีที่ข้อมูลเปิดเผย สโนว์เดนต้องยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อ โอลิเวอร์ สโตน (Oliver Stone) ผู้กำกับสามรางวัลออสการ์ ได้นำเรื่องราวของผู้ชายคนนี้มานำเสนอ สำหรับผมแล้วคงไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะต้องพลาดชมภาพยนตร์เรื่องนี้
Snowden อัจฉริยะจารกรรมเขย่ามหาอำนาจ ว่าด้วยเรื่องราวชีวิตของหนุ่มอัจฉริยะวัย
29 ปี
ที่หาญกล้าสั่นประสาทมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาจนทำให้เขาถูกตามล่าตัวเพื่อมารับผิดที่นำความลับของโครงการใหญ่ของสำนักงานมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ
(NSA) ออกมาเผยแพร่ให้ทั่วโลกประจักษ์
ถึงการคุกคามสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนที่รัฐบาลสหรัฐฯ
ใช้เทคโนโลยีเข้าไปสอดแนมชีวิตของประชาชนทุกคน
อีกหนึ่งการชิงไหวชิงพริบในโลกที่ข้อมูลข่าวสารคือสิ่งสำคัญที่สุด
ภาพยนตร์เดินเรื่องในช่วงเวลา 5 วัน
ก่อนที่สโนว์เดนจะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดให้กับนักข่าวและนักทำสารคดี
เพื่อเปิดโปงเรื่องนี้ให้กับทุกคนได้ทราบ
ระหว่างนั้นภาพยนตร์จะแฟลชแบ็คเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นที่เขาได้รับใช้ชาติ
เรื่องราวความรักระหว่างเขากับแฟนสาว และการเริ่มงานในหน่วย CIA
วันแรกจวบจนวันทำงานวันสุดท้ายที่เขาเดินออกมา
ภาพยนตร์ไม่ได้ทำให้เห็นจุดพีคที่ชัดเจน
แต่เหมือนกราฟที่ทรงตัวอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งในจุด ๆ
หนึ่งแล้วอาจทำให้เกิดความเนือยและรู้สึกเบื่อได้ไม่ยากนัก
แต่ในทุกรายละเอียดนั้นก็ได้บ่งบอกถึงเหตุการณ์ในชีวิตของสโนว์เดน
ตัวละครสำคัญที่ปรากฏในเรื่องนั้นมีไม่มากนัก
ไม่ทำให้เกิดความสับสนในการจดจำชื่อ
และสิ่งที่อาจจะเข้าใจยากก็คงเป็นในเรื่องของศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับทางเทคนิคที่อาจจะทำให้เกิดความสับสนอยู่เล็กน้อย
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการที่นักแสดงนำของเรื่องอย่าง โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ (Joseph Gordon-Levitt) พยายามเปลี่ยนบุคลิกตัวเองให้เหมือนสโนว์เดนตัวจริงมากที่สุด ประกอบกับรูปลักษณ์ภายนอกที่มีความคล้ายคลึงตัวจริงมากทีเดียว ขณะที่ ไชลีน วูดลีย์ (Shailene Woodley) รับบทเป็นแฟนสาวของสโนว์เดนอย่าง ลินด์เซย์ มิลล์ส (Lindsay Mills)
เธอพยายามดึงความเป็นมิลล์สตัวจริงออกมาให้ได้มากที่สุดเช่นกัน
และด้วยการทำการบ้านอย่างหนักของนักแสดงทั้งคู่ก็ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นสโนว์เดนและมิลล์สจริง
ๆ